แชร์

ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ อะไร? ใครต้องจ่าย? อธิบายแบบเข้าใจง่าย

อัพเดทล่าสุด: 1 ม.ค. 2025

     เวลาเราไปซื้อของตามร้านค้าต่างๆ เคยสังเกตไหมคะว่าในใบเสร็จรับเงิน มักจะมี ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT รวมอยู่ในราคาสินค้าด้วย? หลายคนอาจจะสงสัยว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ อะไร? ใครเป็นคนจ่าย? แล้วเราเกี่ยวข้องกับภาษีชนิดนี้อย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม แบบเจาะลึก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมตัวอย่างประกอบ รับรองว่าอ่านจบแล้ว หายสงสัยแน่นอน!

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คืออะไร?

    ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจาก มูลค่าเพิ่ม ของสินค้าและบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่าย เริ่มตั้งแต่การซื้อวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคขั้นสุดท้าย โดยปกติแล้ว อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในประเทศไทยจะอยู่ที่ 7% ของราคาสินค้าหรือบริการ

    ลองนึกภาพตามนะคะ สมมติว่าเรากำลังจะซื้อเสื้อยืดตัวหนึ่ง ราคาก่อนรวมภาษีอยู่ที่ 100 บาท พอร้านค้าบวก VAT 7% เข้าไป ราคาเสื้อก็จะกลายเป็น 107 บาท ซึ่ง 7 บาทที่เพิ่มขึ้นมานี่แหละค่ะ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เราต้องจ่าย

ลักษณะสำคัญของภาษีมูลค่าเพิ่ม มีดังนี้

  • เป็นภาษีทางอ้อม หมายความว่าผู้บริโภคเป็นผู้รับภาระภาษี โดยมีผู้ประกอบการเป็นผู้เก็บภาษีจากผู้บริโภคแล้วนำส่งให้กับกรมสรรพากร
  • เป็นภาษีที่ กรมสรรพากร เป็นผู้จัดเก็บ
  • มีผลบังคับใช้กับสินค้าและบริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

ตัวอย่างสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มในชีวิตประจำวัน

นอกจากการซื้อเสื้อผ้าแล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังมีอยู่ในสินค้าและบริการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น

  • การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร หรือสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ
  • การซื้อสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือของใช้ในบ้าน ก็มี VAT รวมอยู่ในราคาสินค้าด้วยเช่นกัน
  • การรับบริการต่างๆ เช่น การซ่อมรถ การรับประทานอาหารในร้านอาหาร การเข้าพักในโรงแรม การใช้บริการโทรศัพท์มือถือ การใช้บริการขนส่ง การเดินทางท่องเที่ยว ล้วนแล้วแต่มี VAT รวมอยู่ด้วยทั้งสิ้น

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใครต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม?

    ภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับผู้บริโภคอย่างเราๆ เท่านั้นนะคะ แต่ยังเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการด้วย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

1. ผู้ประกอบการที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

    โดยทั่วไป ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือที่เรียกกันว่า จด VAT กับกรมสรรพากร ยกเว้นธุรกิจบางประเภทที่ได้รับการยกเว้น เช่น ธุรกิจการเกษตร การประมง

เกณฑ์รายได้

  • รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี: ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รายรับเกินกว่า 1.8 ล้านบาท
  • คาดว่ารายได้จะเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี: สามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าได้ แม้รายได้จะยังไม่ถึงเกณฑ์ เช่น ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แต่มีแนวโน้มว่ารายได้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว

ประเภทธุรกิจ

  • ธุรกิจที่ต้องจด VAT: ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจออนไลน์ ฯลฯ
  • ธุรกิจที่ได้รับยกเว้น: ธุรกิจการเกษตร การประมง การขายหนังสือพิมพ์ ธุรกิจขนาดเล็ก (เช่น ร้านค้าโชห่วย) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจำเป็น (เช่น อาหาร ยา) ฯลฯ

2. ผู้บริโภคที่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม

    ผู้บริโภคทุกคนต้องจ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่ จดทะเบียน VAT โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจะรวมอยู่ในราคาสินค้าหรือบริการที่เราจ่าย ซึ่งจะแสดงใน ใบเสร็จรับเงิน

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มมาตรฐาน

    ปัจจุบัน อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในประเทศไทยอยู่ที่ 7% ซึ่งเป็นอัตราที่รัฐบาลกำหนดไว้เป็นการชั่วคราว โดยก่อนหน้านี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเคยอยู่ที่ 10% แต่ได้มีการปรับลดลงมาเหลือ 7% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นเศรษฐกิจ

สินค้าและบริการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

    มีสินค้าและบริการบางประเภทที่ได้รับการ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น

  • สินค้าเกษตร เช่น ข้าว พืชผัก ผลไม้
  • ยารักษาโรค
  • หนังสือ หนังสือพิมพ์
  • บริการขนส่งสาธารณะ
  • บริการทางการศึกษา
  • บริการทางการแพทย์

การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

สูตรคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (ราคาสินค้าหรือบริการ x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) / (100 + อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

ตัวอย่างการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า

สมมติว่าคุณซื้อเสื้อผ้าราคา 1,070 บาท (ราคารวม VAT 7% แล้ว)

 

ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (1,070 x 7) / (100 + 7) = 70 บาท

 

ดังนั้น ราคาสินค้าก่อนรวม VAT คือ 1,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 70 บาท

 

ตัวอย่างการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการให้บริการ

สมมติว่าคุณใช้บริการซ่อมรถยนต์ ค่าบริการ 2,140 บาท (ราคารวม VAT 7% แล้ว)

 

ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (2,140 x 7) / (100 + 7) = 140 บาท

 

ดังนั้น ค่าบริการก่อนรวม VAT คือ 2,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 140 บาท

 

ตัวอย่างการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีส่วนลด

สมมติว่าคุณซื้อโทรศัพท์มือถือราคา 10,000 บาท ร้านค้าลดราคาให้ 10%

  • ราคาหลังหักส่วนลด = 10,000 - (10,000 x 10%) = 9,000 บาท
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (9,000 x 7) / (100 + 7) = 630 บาท
  • ราคาสุทธิที่ต้องจ่าย = 9,000 + 630 = 9,630 บาท

ภาษีซื้อ ภาษีขาย และเครดิตภาษี

ความหมายของภาษีซื้อและภาษีขาย

  • ภาษีซื้อ: คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจ่ายเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการรายอื่น เพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการ เช่น ร้านค้า A ซื้อวัตถุดิบจากร้านค้า B ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้านค้า A จ่ายให้กับร้านค้า B ก็คือ ภาษีซื้อ นั่นเอง
  • ภาษีขาย: คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บจากลูกค้าเมื่อขายสินค้าหรือบริการ เช่น ร้านค้า A ขายสินค้าให้กับลูกค้า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้านค้า A เรียกเก็บจากลูกค้า ก็คือ ภาษีขาย นั่นเอง

การนำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขาย

    ผู้ประกอบการที่ จด VAT สามารถนำ ภาษีซื้อ ที่จ่ายไป มาหักออกจาก ภาษีขาย ที่เก็บได้ ก่อนนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากร

ตัวอย่างการคำนวณภาษีซื้อและภาษีขาย

    สมมติว่าร้านค้า A ซื้อสินค้าจากร้านค้า B เป็นเงิน 10,700 บาท (ราคารวม VAT 7%) และนำสินค้ามาขายต่อในราคา 15,000 บาท (ยังไม่รวม VAT)

  • ภาษีซื้อ: 700 บาท (คำนวณจาก (10,700 x 7) / (100 + 7))
  • ภาษีขาย: 1,050 บาท (คำนวณจาก 15,000 x 7%)
  • ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องนำส่ง: 350 บาท (1,050 - 700)

ความสำคัญของการจัดเก็บเอกสารหลักฐาน

    ผู้ประกอบการควรจัดเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ภาษีซื้อ และ ภาษีขาย เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณภาษี และป้องกันปัญหาการตรวจสอบจากกรมสรรพากร

การยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

การยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

แบบฟอร์มภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 30)

    ผู้ประกอบการที่ จด VAT ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 30) ให้กับกรมสรรพากรทุกเดือน โดยสามารถยื่นแบบภาษีได้ 2 ช่องทาง คือ

  • ยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ต: ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th) ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา
  • ยื่นแบบ ณ สำนักงานสรรพากร: ยื่นแบบ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนไว้

กำหนดเวลาการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

    ต้องยื่นแบบ ภ.พ. 30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนมกราคม ต้องยื่นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์

ขั้นตอนการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านอินเทอร์เน็ต

  1. เข้าสู่เว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th)
  2. ลงทะเบียนเพื่อขอใช้บริการยื่นแบบภาษีออนไลน์
  3. เข้าสู่ระบบ และเลือกแบบฟอร์ม ภ.พ. 30
  4. กรอกข้อมูลตามที่ระบุในแบบฟอร์ม เช่น รายรับ รายจ่าย ภาษีซื้อ ภาษีขาย
  5. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และกดยืนยันการยื่นแบบ

สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภคเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม


    ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่ จด VAT เพื่อนำไปใช้ในการประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 30) พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน เช่น ใบกำกับภาษี

การร้องเรียนเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม

    หากพบเห็นผู้ประกอบการมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี เช่น ไม่ จด VAT ทั้งที่ต้องจด ไม่ ออกใบกำกับภาษี อย่างถูกต้อง สามารถร้องเรียนไปยังกรมสรรพากรได้ โดยสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์กรมสรรพากร สายด่วนกรมสรรพากร หรือเดินทางไปร้องเรียนด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากร

บทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

    ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ไม่ จด VAT ไม่ ยื่นแบบภาษี หรือ หลีกเลี่ยงภาษี จะมีความผิดตามกฎหมาย และอาจต้องรับโทษทั้งจำคุกและปรับ

    ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีผู้ประกอบการเป็นผู้เก็บภาษีจากผู้บริโภค และนำส่งให้กับ กรมสรรพากร การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้ผู้บริโภคทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง รวมถึงสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้มากขึ้นนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th) หรือสอบถามเจ้าหน้าที่สรรพากรโดยตรง


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธียื่นภาษีออนไลน์ 2567 ช่วงต้นปี 2568 ทำตามงง่าย มือใหม่ก็ทำได้
วิธียื่นภาษีออนไลน์ 2568 ง่าย ๆ มือใหม่ก็ทำได้ เตรียมเอกสารครบ ทำตามขั้นตอนที่แนะนำ ยื่นทันกำหนด ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษี!
3 ม.ค. 2025
ปฏิทินภาษี 2568 ยื่นตรงทุกกำหนดสำคัญ
ปฏิทินภาษี 2568 รวมกำหนดการยื่นภาษีสำคัญ ครบทุกแบบฟอร์ม พร้อมคำแนะนำการยื่นที่ถูกต้อง ตรงเวลา ไม่พลาดทุกเดดไลน์ ปฏิทินภาษีที่ต้องรู้!
3 ม.ค. 2025
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: ใครต้องเสีย? อัตราเท่าไหร่?
เข้าใจภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างง่ายดาย! บทความนี้ไขข้อสงสัย ใครต้องเสียภาษี? อัตราภาษีเท่าไหร่? พร้อมข้อมูลภาษีที่ดินว่างเปล่า อัปเดตปี 2567
1 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy